‘ประยุทธ์’ สั่ง กลาโหม สั่งสอบปม เฟซบุ๊กปิดบัญชี ไอโอ

‘ประยุทธ์’ สั่ง กลาโหม สั่งสอบปม เฟซบุ๊กปิดบัญชี ไอโอ

ประยุทธ์ ได้ออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหมเร่งสอบสวนหลังจากที่ทางเฟซบุ๊กปิดบัญชี ไอโอ ที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดังได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก รายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งให้กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบ หลังจากที่ทางเฟซบุ๊กรายงานว่าได้ปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ 185 บัญชี ให้ชัดเจน

โดยข้อความที่ วาสนา โพสต์ระบุว่า 

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกล่าวถึงการที่ Facebook สั่งปิด เพจi.o.ของกองทัพว่า ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมไปดูแล้ว เพราะหลายอย่าง มันก็เป็นเรื่องที่พูดกันมาในสภา ก็ให้ไปดูซิว่ามันเป็นยังไง

หลายอย่างมันเป็นประเด็นทางการเมืองไปด้วย ผมก็จึงถามว่า เฟสบุ้ค เรามีทำอะไรมั้ย ซึ่งมันมีหลายทางด้วยกัน เราทราบกันดีอยู่แล้วนี่ แต่ก็จะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นดู” เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางเฟซบุ๊กได้ประกาศว่าได้ยกเลิกให้บริการ 77 บัญชี, 72 เพจ, 18 กลุ่มบนเฟซบุ๊ก และอีก 18 กลุ่มในอินสตาแกรม ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ และ มีความเชื่อมโยงกับปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) ในเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคใต้

ฟรีดอมเฮาส์ ให้คะแนนประเทศ ไทย ในปี 2020 อยู่ในกลุ่มประเทศ ไร้เสรีภาพ ชี้การใช้อำนาจจัดการคนเห็นต่างเป็นประจัยที่ทำให้คะแนนน้อย องค์กร ฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House)  องค์กรเอกชนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพระบุว่า ประเทศไทยได้รับคะแนนเสรีภาพอยู่ที่ 30 คะแนน จาก 100 คะแนน ถูกจัดกลุ่มในประเทศ “ไร้เสรีภาพ” ซึ่งถือเป็นคะแนนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มี 63 คะแนน

โดย 30 คะแนนถูกแบ่งออกเป็น สิทธิทางการเมือง 5 คะแนน และ สิทธิเสรีภาพด้านอื่นๆ 25 คะแนน รวมแล้ว 30 คะแนน

ซึ่งบนเว็ปไซต์ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ประเทศไทยได้คะแนนน้อย โดยเว็ปไซต์ได้หยิบยกการใช้มาตรการฉุกเฉินนานหลายเดือน แม้ว่าประเทศไทยจะถูกจัดเป็นกลุ่มประเทศที่รับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างดีก็ตาม ซึ่งทางองค์กรชี้ว่ารัฐบาลไทยเลือกจะใช้อำนาจควบคุมกลุ่มเห็นต่าง มากกว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคมจากโรคโควิด

ในประเด็นต่อมาทาง ฟรีดอมเฮาส์ พูดถึงการสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อสกัดการชุมนุม และการสั่งใช้มาตราอาญา ม.112 กับกลุ่มแกนนำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประเทศได้คะแนนต่ำ

ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้คะแนนเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต 35 คะแนน ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ไร้เสรีภาพ” ทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ประเทศไทยได้คะแนนเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยประเด็นหลักๆที่ทางองค์กรพูดถึงคือการลบและจับกุมผู้โพสต์ข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ รวมถึงการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

ศาลไม่อนุญาต ปล่อยตัว เพนกวิน เป็นครั้งที่ 4

ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ปล่อยตัว เพนกวิน หนึ่งในแกนนำคณะราษฎรเป็นครั้งที่ 4 ปมกรณีการชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน เดินทางมาเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดีเป็นครั้งที่ 4 พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้เตรียมหลักทรัพย์ 1,000,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ก่อตั้งโดยนายอานนท์ นำภา มาขอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอประกันตัวเพนกวิน กรณีชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ร้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก

หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง ศาลนี้เห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว

แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้นต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี เช่น มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมาย

วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 อนุสอง หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนีหรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่นทั้งนี้ศาลหาจำต้องระบุเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1 ใหม่ไม่

เพราะเท่ากับจะเป็นการคัดลอกข้อความที่ศาลนี้และศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไว้แล้ว ยิ่งเมื่อศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามต่อเนื่องกันมาหลายครั้งหากศาลจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่มีเหตุย่อมเป็นการวินิจฉัยคดีตามอำเภอใจไม่เป็นแนวทางที่ชอบด้วยกฎหมาย

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร